Support
www.it108connect.ran4u.com
062-5193997 , 02-4582949
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2023-02-05 18:21:44.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  FIBER AIR BLOW SOLUTION

FIBER AIR BLOW SOLUTION เป็นการติดตั้ง AIR BLOW แบบใหม่ที่ต่าง จากแบบดั้งเดิม ที่มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ

  1. ท่อ Micro Duct เป็นท่อที่ทำจากวัสดุ HDPE มีความแข็งแรงสามารถฝังดินได้โดยตรง ภายในเคลือบสารพิเศษให้มีความลื่นไหลเพื่อให้สามารถติดตั้งสายไฟ เบอร์ออฟติดในระยะทางไกลๆได้
  2. สายไฟเบอร์ออฟติค เป็นสายไฟเบอร์ที่มีคุณลักษณะการส่งสัญญาณเหมือนกับสายไฟเบอร์ปกติทุกประการ มีคุณสมบัติที่พิเศษคือมีขนาดเล็กกว่าสายแบบปกติมากๆตามรูปจะเห็นได้ว่าในพื้นที่ที่เท่ากัน สามารถติดตั้งสายไฟเบอร์ฯแบบ Air Blow แบบ 144 Core ได้มากถึง 7 เส้น หรือ 7X144 =1008 Core ในขณะที่สายไฟเบอร์แบบปกติสามารถติดตั้งได้เพียง 1 เส้น หรือ 288 Core เท่านั้น
  3. เครื่องมือและวิธีการติดตั้งเป็นสิ่งที่สำคัญอีกประการที่ทำให้การติดตั้งแบบ Air Blow เป็นไปได้ด้วยดี โดยอาศัยหลักวิศวกรรมศาสตร์มาช่วยโดยการสร้างแรงอัดอากาศเข้าไปในท่อ Micro Duct ซึ่งมีสายไฟเบอร์ แบบ Air Blow อยู่ภายในท่อ Micro Duct พร้อมกับใช้แรงดีดเพื่อส่ง สายไฟเบอร์ แบบ Air Blow ไปได้ในระยะทางไกลๆโดยใช้เวลาและแรงงานน้อยกว่าการติดตั้งแบบปกติทั่วไป จะเห็นได้ว่าในระยะทางไกลๆและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ Core Fiber จำนวนมากๆการติดตั้งสายไฟเบอร์ แบบ Air Blow จะใช้ เวลาน้อยกว่าซึ่งจะทำให้ลดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก เป็นที่นิยมในการติดตั้งของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISL: Internet Service Provider)และ นิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการจัดเตรียม Digital Infrastructure ให้กับ โครงการ Smart City

 

  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-05 15:26:38.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ADSS,OUTDOOR/Multi-Tube(All Dielectric Self Support Fiber Cable)

  • เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงโครงสร้างพิเศษที่ออกแบบให้ไม่มีตัวนำไฟฟ้าเพื่อป้องกันการเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าหรือป้องกันฟ้าผ่า เหมาะสำหรับติดตั้งเป็นโครงสร้างหลัก(Infrastructure) ของโครงข่ายระบบสื่อสารที่มีข้อห้ามการใช้สายที่มีโลหะ โดยโครงสร้างของสาย F.O.นี้ ถูกออกแบบให้มีวัสดุป้องกันน้ำซึมอยู่สองชั้น เช่นกัน ได้แก่ชั้นของ Water Blocking Tape และชื้นส่วน Water Blocking yarn เป็นตัวซับความชื้น
  • Option : สำหรับโครงสร้างภายนอกมีทั้งแบบ Single Jacket และ Double Jacket ให้เลือกตามการใช้งาน และ ความจำเป็นของสถานที่ติดตั้ง
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-05 14:59:30.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ARSS,ANTI RODENT SELF SUPPORT CABLE(สายยอดนิยม)

  • เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงโครงสร้างพิเศษที่ออกแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานในประเทศไทยมักเกิดปัญหากับสาย ADSS (All Dielectric Self Support) ที่ไม่มีเกราะป้องกันการกัดแทะของสัตว์ เหมาะสำหรับติดตั้งเป็นโครงสร้างหลัก (lntrastructure) ของโครงข่ายระบบสื่อสารที่มีปัญหาสัตว์มีฟันชุกชุม
  • อนึ่งโครงสร้างของ สาย MiniARSSTM  และ ARSS ได้ถูกออกแบบพิเศษให้มีวัสดุป้องกันน้ำซึมอยู่สองชั้นเพื่อความคงทนของสาย F.O.โดยมีชั้นของ Water Blocking Tape และชิ้นส่วน Water Blocking yarn เป็นตัวซับความชื้น และมีเกราะเหล็กป้องกัน
  • LINK ยังได้ออกแบบ สาย MiniARSSTM    ขึ้นมา เพื่อตอบสนองการใช้งานของระบบกล้องวงจรปิดในเขตเมือง โดยออกแบบให้มี 3-Tube Twisted ป้องกันการเคลื่อนตัวของเส้น Optical Fiber และเพิ่มแรงดึง ในกรณีไปแขวนเสาไฟฟ้าด้วย(เวลาลมพัดสาย ถ้าออกแบบไม่ดี เส้นใยแก้วใน Loose Tube จะเคลื่อนตัว)
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-05 14:12:10.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  Fig.8 OUTDOOR/MULTI-TUBE

  • เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนำไปใช้ติดตั้งเป็นโครงข่ายหลัก(Infrastructure) ของโครงข่ายระบบสื่อสารที่มีความแข็งแรงอย่างมาก การติดตั้งใช้วิธีนำปะกับหรือซัพพอร์ทมาจับกับ ชุดสลิงและนำไปแขวนเสาไฟฟ้าที่มีระยะ span ไปเกิน 80 เมตรได้ทันที ส่วนโครงสร้างของ Optical Fiber นั้นถูกออกแบบให้มีโครงสร้างการป้องกันน้ำซึมเข้าด้วยแผ่น Water Blocking Tape และยังมี Water Blocking yarn เป็นตัวซับความชื้นที่อาจซึมเข้ามาอีกด้วย
  • อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่เสริมเกราะเหล็ก (Armored)ของรุ่น MA ยังสามารถเพื่อป้องกันการกัดแทะของสัตว์หรืออุบัติเหตุจากภายนอกเข้าไปกระทบเส้นใยแก้วภายในได้อีกด้วย
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-05 12:34:48.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  Single Solid Drop Wire,3-Twisted Tube VS Stranded Drop Wire,Single Tube with Armored

  • Stranded เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมของ Fiber Optic ที่ออกแบบมาเพื่อประโยชน์สูงสุดของการติดตั้งและยังคงประสิทธิผลในเชิงวิศวกรรม กล่าวคือ โครงสร้างสายเหมือน Drop Wire แต่ใช้ลวดตีเกลียวให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ Drop Wire (เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ติดตั้งเสาไฟฟ้าของ Drop Wire ได้พอดี) โดยการออกแบบ Drop Wire เป็นเส้นลวด ขนาดเล็กตีเกลียวหรือ Standerd Drop Wire เพื่อเป็นการเพิ่มแรงดึงหรือเพิ่มการรับน้ำหนักของสายใยแก้วให้มี Span หรือระยะแขวนเสาให้มีระยะที่มากขึ้น
  • 3Twisted Tube เป็นนวัตกรรมแก้ปัญหาของสาย Drop Wire ที่แขวนเสาไฟฟ้า เส้นใยแก้วนำแสง ภายในจะไม่เกิดอาการขยับตัว(ไหล) เมื่อเกิดการแกว่งอันเนื่องจากกระแสลม โดยสายชนิดนี้ผ่านการทดสอบและรับรองจาก TOT (ตัวDrop Wire จะเป็น Solid เพื่อสะดวกในการติดตั้ง)
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-03 17:26:33.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไม?ถึงต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR with Drop Wire

  • ปัจจุบันการใช้งานการสื่อสารมีความจำเป็นที่ต้องเดินสายสัญญาณระยะทางยาวๆซึ่งต้องใช้สาย Fiber Optic เป็นสายสัญญาณหลักและการติดตั้งจริงมักจะเดิน Outside Plant หรือ Outdoor โดยติดตั้งบนเสาไฟฟ้าหรือตามชายคาอาคารพาณิชย์ทั่วไป เช่น การติดตั้งกล้อง CCTV,การเชื่อมโยงบริษัทแม่และลูก,การเชื่อมโยงแต่ละอาคาร
  • สาย Fiber Optic ชนิด OUTDOOR/INDOOR with Drop Wire เป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้ติดตั้งประหยัดไม่ต้องเดินสายสลิงเพื่อเป็น Messenger Wire สำหรับแขวนสาย Fiber Optic ทำให้การติดตั้งสะดวกยิ่งขึ้น และ สาย Fiber Optic ชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติสามารถเดินสาย OUTDOOR/INDOOR จากภายนอกเข้าไปภายในอาคารได้เลย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นสาย INDOOR จึงทำให้ประหยัดและมีความปลอดภัยสูง(ดูคุณสมบัติพิเศษของสาย Outdoor/Indoor ในบทความ ทำไม?ต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR)
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-03 15:18:20.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไม?ถึงต้องใช้สาย ARMORED

  • ปกติสายใยแก้วที่ติดตั้ง OUTDOOR จะมีฉนวนภายนอกที่ทำจากสาร PE ซึ่งสามารถทนกรดด่างและสภาพแวดล้อมได้ดี แต่เมื่อนำไปฝังดิน (Direct Burial) อาจจะประสบปัญหาการถูกของมีคมที่ขุดหรือเจาะลงไปทำให้ชำรุดได้ ดังนั้นสายที่ฝังใต้ดินส่วนใหญ่มักจะมีเกราะป้องกัน(Armored)และที่นิยมนำมาทำเกราะเหล็กมากที่สุดได้แก่ Corrugate Armored Steel (เหล็กเป็นรูปคลื่น)
  • ผู้ติดตั้งบางท่านอาจจะนำสาย OUTDOOR/ARMORED มาเดินลอยหรือวางบน Cable Leader,WireWay,Cable Tray ฯลฯ ได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันสัตว์กัดแทะ (Rodent)ได้ดี
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-03 14:52:50.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไม?ถึงต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR,ARMORED

ปกติสายใยแก้วที่ติดตั้ง OUTDOOR จะมีฉนวนภายนอกที่ทำจากสาร PE ซึ่งสามารถทนกรดด่างและสภาพแวดล้อมได้ดี แต่เมื่อนำไปฝังดิน (Direct Burial)อาจจะประสบปัญหาการถูกของมีคมที่ขุดหรือเจาะลงไปทำให้ชำรุดได้ ดังนั้นสายที่ฝังใต้ดินส่วนใหญ่มักจะมีเกราะป้องกัน (Armored)และที่นิยมนำมาทำเกราะเหล็กมากที่สุดได้แก่ Corrugate Armored Steel(เหล็กเป็นรูปคลื่น)

และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศในแถบเอเชีย LINK จึงผลิตสายที่ใช้งานได้ทั้ง Outdoor และ เดินเข้าไปในอาคารได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาการลามไฟ หรือ มีควันไฟเป็นพิษ อีกทั้งเมื่อเดินภายนอกหรือฝังดินก็ยังมี Armored ป้องกันสัตว์กัดแทะ หรือ ของมีคมมาสัมผัสด้วย

ความหมายของคำย่อ

  • Armored = เกราะป้องกัน
  • Direct Burial = ฝังดินเปลือย
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-03 13:31:25.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไม?ถึงต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR

จากความเคยชินของการติดตั้งสาย OUTDOOR ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ จะเดินสาย OUTDOOR จากภายนอกและเดินสายOUTDOOR ต่อเข้าภายในอาคารซึ่งผิดข้อกำหนดของมาตรฐานสากล กล่าวคือ สาย OUTDOOR จะลามไฟ (Flammable) ซึ่งไม่เหมาะกับการเดินภายในอาคาร ดังนั้นเพื่อความถูกต้องจึงต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR มาเดินสายแทน OUTDOOR เนื่องจากสาย OUTDOOR/INDOOR มีคุณสมบัติที่พิเศษคือ ฉนวนภายนอก ใช้สาร PE ทนสภาวะแวดล้อม และเติมสารป้องกันการลามไฟ  (FR) และสาร Low Smoke Zero Halogen(LSZH)ตามมาตรฐานการป้องกันอัคคีภัยของสากล เพื่อให้มีคุณสมบัติมีควันน้อย ควันไม่เป็นอันตรายเมื่อเกิดไฟไหม้และไม่ลามไฟ

ความหมายของคำย่อ

PE           =  Polyethelyne เป็นชนิดของวัสดุที่นำมาทำ Jacket ซึ่งมีความทนทานต่อดินฟ้าอากาศเป็นอย่างมาก

LSZH      =   Low Smoke Zero Halogen เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยาศาสตร์ที่นำมาผสมกับวัสดุอื่น ทำให้มี         ประสิทธิภาพ เมื่อ Jacket ถูกไฟเผาจะมีควันน้อย และไม่มีสารพืษในควันไฟ

FR          = Flame Retardant เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้วัสดุที่นำมาทำ Jacket ไม่ลามไฟ

  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-03 12:33:38.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้สาย CAT 6A

1.ไม่ควรมัดสาย CAT 6A ด้วย Cable Tie เพราะสาย CAT 6A เป็นสายที่เปราะบางถ้าใช้ Cable Tie จะมีผลต่อค่าการลดทอนของสัญญาณได้ (Attenuation) ดังนั้น เพื่อให้ประสิทธิภาพดีควร ทำสายให้วงกว้างๆ หรือทำเป็นห่วงคล้องสายไว้ก็ได้(hook-any-loop)

2.Package รูปแบบบรรจุภัณฑ์ของ CAT 6A จะเป็น Roll ซึ่งมีความแตกต่างกับ CAT 5E และ CAT 6 ที่จะเป็น Pull Box ดังนั้นผู้ใช้งานจะต้องวางแผนทั้งเริ่องการติดตั้ง การจัดเก็บ และการขนส่งด้วย

3. เรื่องน้ำหนัก เนื่องจากสาย CAT 6A มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้มีน้ำหนักที่มากขึ้นกว่าสาย CAT 5E หรือ CAT 6 ดังนั้นจึงควรเลือกจำนวนสายให้เหมาะสมกับ Cable Tray โดยจำนวนสายที่มากที่สุดจะไม่เกิน 50 เส้น และเมื่อต้องนำสายหลายขนาดมาใส่ในCable Tray ควรเอาสาย CAT 6A ที่มีขนาดใหญ่ไว้ล่างสุด และสายขนาดเล็กไว้ด้านบน เพราะจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักสาย CAT 6A กดทับสายเส้นเล็ก

4. จะต้องมีรัศมีการโค้งงอที่มากกว่าปกติ ตามมาตรฐานจะมีรัศมีการโค้งงอได้มากที่สุดคือ 4 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางสาย ดังนั้นสายยิ่งมีขนาดโตวงของการโค้งงอก็จะใหญ่ ดังนั้นควรคำนวณเรื่องพื้นที่ด้วย

5. ต้องทดสอบมากกว่าปกติทั่วไป เนื่องจากสาย CAT 6A จะรองรับความถี่ได้ถึง 500MHz ซึ่งสัญญาณ ที่มีความถี่ตั้งแต่ 350 MHz จะมีการรบกวนข้ามสายสัญญาณ (Alien Crosstalk:AXT) (CAT 5E = 100 MHz, CAT 6=250 MHz) ดังนั้น เมื่อต้องรับงานทดสอบจึงต้องเผื่อทั้งเรื่องเวลาและงบประมาณด้วย

 

  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-02 17:59:40.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ความแตกต่างของ Shield CAT 6A และ UTP CAT 6A

  • มาตรฐานสายสัญญาณ จะแบ่งหมวดหมู่ของสาย เป็น Category ตามความสามารถในการรองรับความถี่ในการส่งสัญญาณ หรือบางท่านอาจเรียกง่ายๆ ว่าความเร็วในการส่งสัญญาณ โดยมีหน่วยวัดเป็น MHz ได้แก่ CAT 3 รองรับ 1-16 MHz ; CAT 5E รองรับ 1-100 MHz ; CAT 6 รองรับ 1-250 MHz ; CAT 6A รองรับ 1-500 MHz ; เป็นต้น
  • ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ต้องการสื่อสารกันด้วยความเร็วที่สูงขึ้นมาก จนทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไปรบกวนคู่สายของสายสัญญาณอื่นๆ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาโดยง่ายจึงได้ออกแบบให้ใส่โลหะป้องกัน หุ้มสายสัญญาณและเรียกสายสัญญาณว่า F/UTC(Foil Twisted Pair) และ F/FTP และ U/FTP ซึ่งอยู่กับการหุ้มสายทีละคุ่ หรือ ทั้งหมด แต่การเพิ่ม Foil หุ้มสายเป็นการเพิ่มต้นทุนของสายสัญญาณ ดังนั้นผู้ผลิต บางรายจึงพยายามออกแบบโครงสร้างของสาย UTPให้มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันสนามแม่เหล็กรบกวนโดยอาจต้องตีเกลียวให้แน่นขึ้น ซึ้งทำให้ต้นทุนทองแดงยาวขึ้นและในบางกรณีนั้นต้นทุนโครงสร้างของสาย UTP อาจจะแพงกว่าสาย Shield ก็ได้ เช่น สายUTP CAT 6A จะแพงกว่าสาย Shield CAT 6A
  • ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันก็คือ โครงสร้างการออกแบบสาย UTP CAT 6A ที่มี Slot รอบสายสัญญาณที่ต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูงกว่า CAT 6A F/UTP และ U/FTP แต่ต้นทุนของ CONNECTOR ของระบบสาย UTP จะมีราคาถูกกว่าระบบ SHIELD อยู่มาก ดังนั้นเมื่อคำนวณต้นทุน สายสัญญาณรวมกับ CONNECTOR จะพบว่าต้นทุนของ UTP System CAT 6A อาจจะถูกกว่าหรือแพงกว่า SHIELD System ขึ้น กับความถนัดหรือคุ้นเคย ของผู้ใช้ หรือผู้ออกแบบ ที่จะเลือกใช้
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2023-02-02 13:41:05.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ความแตกต่างระหว่างสาย LSZH,CMR,และสาย CM

ความแตกต่างระหว่างสาย LSZH , CMR และสาย CM คือวัสดุ , รูปแบบการติดตั้ง และอัตราการลามไฟของสายสัญญาณที่ติดตั้งภายในอาคารสำนักงานด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากอัคคีภัย (ตามมาตรฐาน UL)

  • สาย CM (Communication Metallic) จะสามารถติดตั้งได้ภายในชั้น หรือติดตั้งราบไปกับพื้น มาตรฐานห้ามติดตั้งเปลือยในแนวอื่นเด็ดขาด
  • สาย CMR (Communication Metallic Riser) จะสามารถติดตั้งได้ทั้งในแนวราบ และแนวดิ่งบริเวณช่องชาร์ป(จุดรวมของสายสัญญาณที่เชื่อมต่อระหว่างชั้น) ได้โดยไม่ต้องร้อยท่อ Conduit เพราะ สาย CMR ถูกออกแบบด้วยวัสดุที่ทนทาน ดับไฟได้เร็ว และความสูงของเปลวไฟจะไม่ลามไปติดอีกชั้นหนึ่ง  จึงเหมาะกับการเดินที่แนวดิ่งและแนวราบ ดังนั้นโครงสร้างของสาย CMR จึงจะแพงกว่าสาย CM แต่ทว่าสาย CMR จะมีความทนทานและคงทนมากกว่าสาย CM อย่างแน่นอน และคุ้มค่า ในการนำไปใช้งานในระยะยาว
  • สาย LSZH จะเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัย กรณีที่เกิดเพลิงไหม้ สาย LSZH จะมีคุณสมบัติพิเศษที่จะไม่ลามไฟ และมีควันน้อยกว่าปกติ และควันก็ไม่ก่อให้เกิด อาการสำลักควันที่เป็นสาเหตุทำให้คนเสียชีวิต เหมาะสำหรับพื้นที่สาธารณะ และ พื้นที่อาคารสำนักงาน และทั่วไป
  • ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2019-05-27 20:28:11.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  Media Converter สำหรับกล้อง IP CCTV (IP Camera)

 ปัจจุบันได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ตามถนนหนทางมากมายซึ่งต้องใช้ Technology ของระบบ Ethernet และเมื่อนำ Media Converter รุ่นธรรมดาไปติดตั้งคู่กับกล้อง CCTV OUTDOOR มักจะเกิดปัญหาการชำรุดเนื่องจาก Media Converter ไม่ได้ออกแบบให้ใช้งาน Outdoor หรือใช้งานในสภาพที่ต้องทนสภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองและมีความร้อนสูงรวมทั้งการสั่นสะเทือนของถนน ซึ่งผลิตภัณฑ์ Media Converter ที่ออกมาโดยเฉพาะเพื่อการใช้กับกล้อง CCTV โดยเรียกว่า Hardened Type ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทนทาน ต่อสภาวะอากาศ แถวเอเชียและได้การรับรองเลือกใช้จากลูกค้าทั่วโลกอย่างแพร่หลาย

ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2019-05-27 18:38:59.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไม ? ถึงต้องใช้ Fiber Optic Media Converter

 เนื่องจากการส่งสัญญาณผ่านสาย LAN ถูกจำกัดระยะทางไม่เกิน 100 เมตร แต่ในการใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีระยะทางมากกว่า อาจเป็น 1 , 2 , 10 หรือ 100 กิโลเมตร จึงจำเป็นต้องส่งสัญญาณผ่านสาย Fiber Optic Media Converter ทั้งต้นทางและปลายทางเพื่อแปลงสัญญาณไฟฟ้าของ Port RJ45  เป็นสัญญาณของแสง และส่งแสงผ่านสาย Fiber Optic โดยเมื่อถึงปลายทางก็จะแปลงกลับด้วย Fiber Optic Media Converter มาเป็นสัญญาไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

ขอบคุณรูปภาพจาก www.interlink.co.th

guest

Post : 2019-05-27 16:35:58.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไม ? ถึงต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR

จากความเคยชินของการติดตั้งสาย OUTDOOR ของประเทศไทยส่วนใหญ่จะเดินสาย OUTDOOR จากภายนอกและเดินสาย OUTDOOR ต่อ เข้าภายในอาคารซึ่งผิดข้อกำหนดของมาตรฐานสากล กล่าวคือ สาย OUTDOOR จะลามไฟ (Flammable) ซึ่งไม่เหมาะกับการเดินภายในอาคาร ดังนั้นเพื่อความถูกต้องจึงต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR มาเดินสายแทน OUTDOOR เนื่องจากสายOUTDOOR/INDOOR มีคุณสมบัติที่พิเศษคือ ฉนวนภายนอก ใช้สาร PE ทนสภาวะแวดล้อม และเติมสารป้องกันการลามไฟ (FR) และสาร Low Smoke Zero Halogen (LSZH) ตามมาตรฐานการป้องกันอัคคีภัยของสากล เพื่อให้มีคุณสมบัติมีควันน้อย ควันไม่เป็นอันตรายเมื่อเกิดฟไหม้และไม่ลามไฟ

ความหมายของคำย่อ

PE = Polyethelyne เป็นชนิดของวัสดุที่นำมาทำ Jacket ซึ่งมีความทนทานต่อดินฟ้าอากาศอย่างมาก

LSZH = Low Smoke Zero Halogen เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยาศาสตร์ที่นำมาผสมกับวัสดุอื่น ทำให้มีประสิทธิภาพเมื่อ Jacket ถูกไฟเผาจะมีควันน้อย และไม่มีสารพิษในควันไฟ

FR = Flame Retardant เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้วัสดุที่นำมาทำ Jacket ไม่ลามไฟ

 

ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2017-03-27 18:39:48.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  Access Point คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?

 Access Point คืออะไร???
Access Point (AP) คืออุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการกระจายสัญญาณ Wireless เป็นอุปกรณ์พื้นฐานตัวหนึ่งที่สามารถสร้างเครือข่ายไร้สายจากระบบเครือข่ายแลน(LAN)ได้ง่ายที่สุด Access Point ทำหน้าที่กระจายสัญญาณออกไปยังเครื่องลูกข่ายที่อยู่ในรัศมีการกระจายสัญญาณโดยรอบ ซึ่งลักษณะของตัว Access Point นั้นจะมีลักษณะที่แตกต่างกันอยู่กับผู้ผลิตจะดีไซน์ให้มีรูปร่างหน้าตาแบบไหน แต่ที่เหมือนกันก็คือ AP จะมีช่องเชียบสายแลนเพียงช่องเดียวเท่านั้น ช่องดังกล่าวจะเป็นช่องที่รับสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือใช้เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คจากเครือข่ายแลนเข้ากับเครื่องลูกข่ายที่เชื่อมต่อแบบไร้สาย การทำงานของ AP จะทำงานภายใต้มาตรฐานของ IEEE802.11 ซึ่งทำให้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐานนี้สามารถใช้งาน AP ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมากแล้วแอคเซสพอยท์จะมีเสาสัญญาณเพียง 1 เสาเท่านั้นการเลือกซื้อถ้าเราต้องการสัญญาณที่มีคุณภาพดีขึ้นเราควรมองหา Access Point ที่มีมากกว่า 2 เสาขึ้นไปเพื่อให้การกระจายสัญญาณของ AP สามารถกระจายสัญญาณได้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน Router Wireless บางรุ่นคุณสามารถตั้งโหมดเป็น 
Access Point ได้ด้วย

guest

Post : 2017-03-16 15:17:56.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  WHY? สาย LAN สายเร็ว ต้องสาย LINK

- สาย LINK CAT 5E คุณสมบัติสูงกว่าสาย CAT 5E ยี่ห้ออื่น ๆ เพราะออกแบบมาเพื่อรองรับ Bandwidth ที่ 350 MHz ซึ่งสายทั่วไปรองรับที่  100 - 200 MHz และ LINK CAT 6 ULTRA ออกแบบเพื่อรองรับ Bandwidth 600 MHz สูงกว่ามาตรฐานที่ระบุ 250 MHz อีกทั้ง CAT6A มีทั้ง UTP,U/FTP และ F/UTP ที่ Band width 750 MHz สูงมากกว่ามาตรฐาน  500 MHz

- สินค้า LINK เป็นสินค้าที่ผลิตมาเพื่อรองรับตลาดสายสัญญาณระบบ Cabling โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้งานเป็นหลักดังจะเห็นได้จากหน่วยงานใหญ่ ๆ ในประเทศไทยได้เลือกใช้ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์ราชการจามจุรีสแควร์ เซ็นทรัลเวิลด์  สาย การบินต่าง ๆ ทำเนียบรัฐบาล การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กองทับเรือ ธนาคารทุกธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ล่าสุด การบินไทยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ให้ความไว้วางใจผลิตภัณฑ์ CAT 6A ของ LINK อีกด้วย

- เหตุผลที่ LINK เป็นสินค้าคุณภาพสูงสุด ผ่านการรับรอง UL และ INTERTEK แต่สามารถทำราคาได้ย่อมเยากว่ายี่ห้ออื่น เพราะการบริหารกลไกของราคาโดย LINK บวกค่าการตลาดน้อยมากและวิธีสั่งซื้อสินค้าคราวละมาก ๆ เพื่อได้ต้นทุนที่ถูกกว่า

 

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้สาย CAT 6A

 

- ไม่ควรมัดสาย CAT 6A ด้วย Cable Tie เพราะสาย CAT 6A เป็นสายที่เปราะบางถ้าใช้ Cable Tie จะมีผลต่อค่าการลดทอนของสัญญาณได้ (Attenuation) ดังนั้นเพื่อให้ประสิทธิภาพดีควรทำสายให้วงกว้างๆ หรือทำเป็นห่วงคล้องสายไว้ก็ได้ (Hook-Any-Loop)

 

- Packaged รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ของ CAT 6A จะเป็น Roll ซึ่งมีความแตกต่างกับ CAT E5 และ CAT6 ที่จะเป็น Pull Box ดังนั้นผู้ใช้งานจะต้องวางแผนทั้งเรื่องการติดตั้ง การจัดเก็บ และการขนส่งด้วย

 

- เรื่องน้ำหนัก เนื่องจากสาย CAT 6A มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นกว่าสาย CAT E5 หรือ CAT6 ดังนั้นจึงควรเลือกจำนวนสายให้เหมาะสมกับ Cable Tray โดยจำนวนสายที่มากที่สุดจะไม่เกิน 50 เส้น และเมื่อต้องนำสายหลายขนาดมาใส่ใน Cable Tray ควรเอาสาย CAT 6A กดทับสายเส้นเล็ก

 

- จะต้องมีรัศมีการโค้งงอที่มากกว่าปกติ ตามมาตรฐานจะมีรัศมีการโค้งงอได้มากที่สุดคือ 4 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางสาย ดังนั้นสายยิ่งมีขนาดโตวงโค้งของการโค้งงอก็จะใหญ่ขึ้น ดังนั้นควรคำนวณเรื่องพื้นที่ด้วย

 

- ต้องทดสอบมากกว่าปกติทั่วไป เนื่องจากสาย CAT 6A จะรองรับความถี่ได้ถึง 500 MHz ซึ่งสัญญาณที่มีความถี่ตั้งแต่ 350 MHz จะมีการรบกวนข้ามสายสัญญาณ (Alien Crosstalk : AXT)(CAT E5 = 100 MHz ,CAT6 = 250 MHz) ดังนั้นเมื่อต้องรับงานทดสอบจึงต้องเผื่อทั้งเรื่องเวลาและงบประมาณด้วย

 

CAT 6A ใช้สาย UTP หรือ F/UTP ดีกว่ากัน ?

 

 

      มาตรฐานสาย UTP หรือ F/UTP จะแบ่งหมวดหมู่ของสายเป็น Category ตามความสามารถในการรองรับความถี่ในการส่งสัญญาณ หรือบางท่านอาจเรียกง่าย ๆ ว่าความเร็วในการส่งสัญญาณ โดยมีหน่วยวัดเป็น MHz ได้แก่ CAT 3 รองรับ 1-16 MHz ; CAT E5 รองรับ 1-100 MHz ; CAT 6 รองรับ 1-250 MHz ; CAT 6A รองรับ 1-500 MHz ; เป็นต้น

 

      ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ต้องการสื่อสารกันด้วยความเร็วที่สูงขึ้นมาก จนทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไปรบกวนคู่สายของสายสัญญาณอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาโดยง่ายจึงได้ออกแบบให้ใส่ Foil ( screen ) หุ้มสายสัญญาณและเรียกสายสัญญาณว่า F/UTP ( Foil Twisted Pair ) แต่การเพิ่ม Foil หุ้มสายเป็นการเพิ่มต้นทุนของสายสัญญาณ ดังนั้นผู้ผลิตบางรายจึงพยายามออกแบบโครงสร้างของสาย UTP ให้มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันสนามแม่เหล็กรบกวนโดยอาจต้องตีเกลียวให้แน่นขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนทองแดงยาวขึ้นและในบางครั้งกรณีต้นทุนโครงสร้างของสาย UTP อาจจะแพงกว่าสาย F/UTP ก็ได้เช่น สาย UTP CAT 6A จะแพงกว่าสาย F/UTP CAT 6A เป็นต้น

      ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ โครงสร้างการออกแบบสาย UTP CAT 6A ที่มี PVC Slot รอบสายสัญญาณที่ต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูงกว่า CAT 6A F/UTP แต่ต้นทุนของ CONNECTOR ของระบบ UTP System จะมีราคาที่ถูกกว่าระบบ F/UTP อยู่มาก ดังนั้นเมื่อคำนวณต้นทุนสายสัญญาณรวมกับ CONNECTOR จะพบว่าต้นทุนของ UTP System CAT 6A จะถูกกว่า F/UTP System แน่นอนและในอนาคตจะนิยมใช้ UTP มากกว่า F/UTP เพราะใช้งานง่ายกว่าและหาซื้ออุปกรณ์ได้ง่ายกว่า

ความแตกต่างระหว่างสาย CM และ CMR…! 

CM และ CMR เป็นมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอัคคีภัยและสภาพแวดล้อม โดย Jacket ของสาย CMR จะมีอัตราหารต้านไฟในแนวดิ่งได้ดีกว่า Jacket ของ CM ดังนั้นสาย CMR จึงสามารถใช้เดินในแนวดิ่งระหว่างชั้น (Riser) ได้ดีกว่าสาย CM แต่หากใช้สาย CM เดินในท่อเหล็กก็จะได้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยทางอัคคีภัยที่ไม่แตกต่างกัน ข้อดีของสาย CM ก็คือราคาถูกว่าสาย CMR แต่คุณภาพจะด้อยกว่า CMR ถ้าใช้เดินในแนวดิ่ง

 

ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION

guest

Post : 2014-08-24 12:43:17.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  มาทำความรู้จักกับสายแลน AMP แบบ CM กับ CMR

   ถ้าพูดถึงเรื่องสายสัญญาณที่เป็นโลหะ (Communication Metallic Cables) ซึ่งก็คือสายทองแดง (Copper Cables) ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วนั่นเอง เช่นสาย UTP และ FTP เป็นต้น แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปโดยส่วนใหญ่จะอ้างอิงการใช้ในเชิงสมรรถนะ และการใช้งาน (Performance and Application)เช่น Cat5/5e และ Cat 6 หรือ10/100Base-T, Gigabit Ethernet และ ATM เป็นต้น ไม่ว่าจะสื่อสารด้วยสายในรูปแบบใด มาตรฐานการใช้งานทั้งหมดจะรวมถึงมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ เอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสายชนิดใดจะต้องมีคุณสมบัติหรือข้อกำหนดทางด้านการป้องกันอัคคีภัยในระดับต่างๆ ไว้ด้วย และต้องใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละชนิดของสายด้วยดังนั้นจึงเป็นที่มาของความสงสัยของหลายท่านที่ว่า สายชนิด CM มีความแตกต่างจากสายชนิด CMR อย่างไร

มาตรฐานความแตกต่างระหว่างสายแบบ CM กับ CMR

สายสัญญาณที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้มีอยู่หลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับความสามารถในการหน่วงไฟที่มีระดับที่แตกต่างกัน ในกรณีที่มีอัคคีภัยเกิดขึ้นเมื่อมีการติดตั้งสายเหล่านั้นไปแล้วเริ่มจาก

สายชนิด PVC (Polyvinyl chloride) เป็นประเภทสายพลาสติก มีการใช้งานกันทั่วไปอย่างแพร่หลาย

สายไฟทั่วไปมักจะเป็นสายประเภทนี้ แต่ไม่มีคุณสมบัติการหน่วงไฟ

สายชนิด CM (Communication Metallic) เป็นสายที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือ

การติดตั้งสายแนวราบภายในชั้นเดียวกัน (Horizontal Wiring) เพราะเป็นสายที่มีคุณสมบัติหน่วงไฟในแนวราบ

สายชนิด CMR (Communication Metallic Riser) สำหรับใช้งานในการติดตั้งแนวดิ่ง

เช่นการเดินสายสัญญาณระหว่างชั้นในอาคารโดยผ่านช่องเดินสายของตัวอาคาร (Vertical Shaft)

มีคุณสมบัติหน่วงไฟในแนวราบและแนวดิ่ง เพื่อป้องกันการลุกลามของเปลวไฟที่เกิดขึ้น จากชั้นหนึ่งไปสู่อีกชั้น

สายชนิด LSZH (Low Smoke Zero Halogen)

สายสัญญาณจะผ่านการทดสอบได้ก็ต่อเมื่อความหนาแน่นของควันไฟ (Opacity) จุดทดสอบไม่เกินข้อกำหนด

สายชนิดนี้ขณะติดไฟจะให้ควันไฟ/ควันพิษน้อยจึงทำให้ผู้ประสบอัคคีภัยสามารถหนีไฟได้ทันโดยไม่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

คุณสมบัติในการหน่วงเปลวไฟที่ต่างกันนั้นมาจากวัสดุในการทำ Jacket และกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนมากกว่า ดังนั้นสายที่มีคุณสมบัติการหน่วงไฟตามที่ระบุในมาตรฐานได้ดีกว่าย่อมมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า

มีความจำเป็นขนาดไหนที่จะต้องใช้สายสัญญาณที่มีคุณสมบัติดังกล่าว?

สำหรับในประเทศไทย พบว่าการติดตั้งสายสัญญาณมักจะทำร่วมกันกับการติดตั้งสายไฟฟ้าและสายสัญญาณอื่นๆ

รวมทั้งวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งที่อาจไม่ผ่านคุณสมบัติตามข้อกำหนดของ UL เมื่อเกิดอัคคีภัยหรือเพลิงไหม้ ถึงแม้จะใช้งานสายสัญญาณที่ผ่านข้อกำหนด ไม่ว่าจะเป็น CM CMR หรือ LSZH จึงไม่ได้หมายความว่าการติดตั้งสายสัญญาณนั้นๆ จะสามารถป้องกันการลุกลามของเปลวไฟที่เกิดจากเพลิงไหม้ได้เพราะยังมีสายสัญญาณ สายไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในที่นั้นเป็นตัวลามไฟอีกทั้งปริมาณของสายสัญญาณที่ใช้งานกับระบบเครือข่ายสื่อสารมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับสายไฟฟ้าและสายสัญญาณอื่นๆที่ใช้ติดตั้งภายในอาคาร ดังนั้นสายสัญญาณเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (UTP CABLE) ที่ติดตั้งใช้งานก็อาจจะไม่มีผลต่อการป้องกันการลุกลามของเปลวไฟได้ตามคุณสมบัติที่ได้ถูกกำหนดมาอย่างไรก็ตาม หากมีความต้องการใช้สายประเภทที่มีคุณสมบัติในการหน่วงไฟผู้ใช้ควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่าคุณสมบัติที่กล่าวอ้างในท้องตลาดนั้นเป็นจริง เนื่องจากสายเหล่านี้ผลิตจากวัสดุพิเศษ มีราคาสูง จึงอาจจะมีการกล่าวอ้างที่เกินความเป็นจริงได้ โดยอาจพิจารณาจากการที่มีการทดสอบคุณสมบัติโดยหน่วยงาน 3rdparty เช่นเดียวกับที่ AMP NETCONNECT ผ่านการทดสอบจาก UL เพื่อให้แน่ใจได้ว่าได้สายสัญญาณที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของท่านอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปลือกหุ้มสายไม่ว่าจะเป็นชนิดใด

ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพบนการทำงานของสายสัญญาณแม้แต่นิดเดียว 

guest

Post : 2014-07-07 12:29:08.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >   เทคนิคการเพิ่มสัญญาณ Wireless ภายในบ้านของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

Internet ในปัจจุบันเจริญเติบโตไปมากทุกบ้านแทบจะมี Internet ใช้ส่วนตัวกันทั้งนั้นด้วยราคาที่ถูกลง อุปกรณ์เชื่อมต่อ Internet ที่ได้รับความนิยมกันมากก็คือ Wireless Router ด้วยการใช้งานที่สะดวกสบายไม่ต้องเชื่อมต่อด้วยสาย Lan เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เชื่อมต่อด้วยสัญญาณ Wireless แทน แต่การใช้ Wireless Router ก็อาจพบปัญหาได้เหมือนกันเรื่องสัญญาณอ่อนไปไม่ถึงในระยะไกลๆ เราลองมาดูว่ามีวิธีปรับแต่งอะไรบ้างที่ช่วยทำให้สัญญาณ Wireless ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

- วาง Wireless Router ให้อยู่ตรงกลางบ้าน เนื่องจากสัญญาณ Wireless กระจายสัญญาณแบบวงกลม เพราะฉะนั้นกางวาง Wireless Router ไว้กลางบ้านจะช่วยกระจายสัญญาณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
- เลี่ยงการวาง Wireless Router ไว้ที่พื้นหรือชิดกำแพง หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยเหล็กเพราะจะทำให้กระจายสัญญาณได้ไม่ดี
- เปลี่ยนเสาสัญญาณแบบส่งความถี่สูง หาก Wireless Router ของคุณสามาถถอเปลี่ยนเสาได้แนะนำให้เปลี่ยน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณได้ไกลมากขึ้น
- เพิ่มรัศมีการส่งสัญญาณด้วยอุปกรณ์ Access Point ถ้าบ้านของคุณพบปัญหาเรื่องสัญญาณ Wireless อ่อนแนะนำให้ติด Access Point เพื่อช่วยเพิ่มระยะการส่งสัญญาณได้ไกลกว่าเดิม
- เปลี่ยนความถี่ของ Wireless Router เพื่อป้องกันปัญหาในการใช้ช่องสัญญาณความถี่เดียวกัน หลีกเลี่ยงการแย่งสัญญาณความถี่เดียวกัน
- Update Firmware Wireless Router ให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยปกติ อุปกรณ์เกี่ยวกับอิเลคทรอนิกส์จะมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
- เลือกใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ Wireless Router ยี่ห้อเดียวกัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพราะแต่ละแบรนด์สินค้ามักจะมีการออกแบบเทคโนโลยีเป็นของตัวเองใส่ลงไปด้วย
- เลือกมาตรฐานที่รองรับอนาคต IEEE 802.11g หรือที่ดีกว่านั้นเพื่อประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณได้ไกลขึ้นดีขึ้น

ลองนำเทคนิคที่กล่าวมาแล้วนี้ไปลองทำตามดู เพื่อการใช้งาน Wireless Router ที่ดีขึ้น

 

 

guest

Post : 2014-06-30 14:05:38.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เลือกซื้อ Wireless Router ควรดูจากปัจจัยไหนบ้าง

 

ปัจจุบัน Wireless Router ได้รับความนิยมในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีบทบาทอย่างมากในการใช้งาน Internet ในชีวิตประจำวัน ทั้งภายในบ้าน บริษัทหรือองค์กรต่างๆ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกระจายสัญญาณ Internet โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อด้วยสาย แต่การเลือกซื้อควรพิจารณาจากหลายๆปัจจัยด้วยกัน

- มาตรฐานสัญญาณที่ใช้ เป็นปัจจัยแรกๆเลยที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ ความถี่ที่ใช้ กระจายสัญญาณได้ดีหรือเปล่า มาตรฐานการเชื่อมต่อขึ้นอยู่กับราคาและความต้องการในการใช้งานของคุณด้วย

 

- มีพอร์ตรองรับมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้สำคัญมากเพราะเราคงไม่ซื้อ Wireless Router มาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เพียงแค่ชิ้นเดียวแน่ๆ การที่อุปกรณ์มีพอร์ตเชื่อมต่อที่สามารถรองรับได้หลายแบบจะทำให้เราสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะต่อกับ Printer, Flashdrive ก็ได้ และถ้าจะให้ดีแนะนำเสาสัญญาณ ตั้งแต่ 2 เสาขึ้นไป

 

- ง่ายในการติดตั้ง เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ อุปกรณ์ที่ดีควรใช้งานง่าย Set ค่าไม่ยุ่งยาก ง่ายต่อ User

 

- เข้าได้กับอุปกรณ์ชนิดอื่นๆ  Wireless Router ควรรองรับอุปกรณ์เชื่อต่อชนิดอื่นๆด้วย ควรเป็นมาตรฐานตัวเดียวกัน เพื่อที่เราจะได้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

- มีระบบรักษาความปลอดภัย มีการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการลักลอบการใช้งานของคนอื่น ระบบ WEP (Wired Equivalent Privacy)

 

นี่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์ Wireless Router มาใช้งาน ซึ่งเวลาที่เราไปซื้อจริงๆควรศึกษาให้ดีก่อนเพราะอุปกรณ์มีหลายมาตรฐานหลายราคา ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วยว่าต้องการมาตรฐานมากน้อยแค่ไหน เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณก็พอ

 

 

1 | 2 다음 끝